วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2553

สาว ๆ ที่ชอบดื่มน้ำมะพร้าวเป็นชีวิตจิตใจ

สาว ๆ ที่ชอบดื่มน้ำมะพร้าวเป็นชีวิตจิตใจคงไม่ปลื้มนักหากมีใครมาบอกว่า "ในขณะมีประจำเดือนอย่าริไปดื่มน้ำมะพร้าวเป็นอันขาด อ้าว...ไม่รู้รึว่าน้ำมะพร้าวเป็นของแสลงสำหรับผู้ที่่กำลังมีประจำเดือน เชียวนะ" เรื่องนี้จะเชื่อหรือไม่เชื่อไม่รู้ล่ะ แต่ก็ทำเอาสาว ๆ บางคนดื่มน้ำมะพร้าวไม่คล่องคอขึ้นมาทันทีเลยค่ะแต่ช้าก่อน...ก่อนที่คุณจะตัดใจจากน้ำมะพร้าวที่แสนชื่นชอบ โปรดอ่านข้อความนี้สักนิดค่ะ ความจริงแล้วน้ำมะพร้าวก็มีลักษณะคล้ายกับน้ำหวานหรือเครื่องดื่มธรรมดาทั่วไป ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อการมีประจำเดือนแต่อย่างใด แต่อาจจะมีข้อยกเว้นบ้างในบางคนที่แพ้น้ำมะพร้าว (ขอย้ำว่าเป็นเฉพาะบุคคลเท่านั้นค่ะ) เนื่องจากในน้ำมะพร้าวมีสารประกอบหรือฮอร์โมนบางอย่างซึ่งอาจทำให้บางคนเกิด อาการแพ้ได้ แล้วบังเอิญว่าอาการแพ้นั้นเกิดในระหว่างช่วงมีประจำ เดือน เรียกว่าประจวบเหมาะกันพอดี จึงทำให้เข้าใจผิดว่าน้ำมะพร้าวเป็นของแสลงสำหรับผู้ที่กำลังมีประจำเดือนค่ะอ่านมาถึงบรรทัดนี้ สาว ๆ ที่ชอบดื่มน้ำมะพร้าวคงยิ้มออกแล้วนะคะ เพราะตราบใดที่คุณไม่ได้แพ้สารบางอย่างในน้ำมะพร้าวก็สบายใจได้เลยว่า คุณสามารถดื่มน้ำมะพร้าวที่แสนโปรดได้ในทุกโอกาสแม้แต่ยามที่มีประจำเดือนค่ะ นอกจากไม่ใช่ของแสลงแล้ว น้ำมะพร้าวเย็น ๆ กลิ่นหอมละมุนยังช่วยดับกระหายคลายร้อนได้ดีเยี่ยมอีกด้วยค่ะ ♦

สร้างผิวสาวให้สวยทันใจด้วย “Cell Therapy for DNA”


สร้างผิวสาวให้สวยทันใจด้วย “Cell Therapy for DNA”

นพมณี-อรรณพ ผลพานิชย์ คงมีหลายคนที่ชื่นชอบใน มนต์แห่งความหนาวเย็นของอากาศ แต่สำหรับสาวๆบางคนอาจเป็นปัญหา มีผิวหยาบกร้าน ขาดความชุ่มชื่น ลอกเป็นขุยจนถึงแตก บางคนรุนแรงมากจนถึงขั้นเลือดออกซิบๆ ตามผิวหนัง ทำให้ใบหน้าหมองคล้ำรักษายาก จนทำให้หน้าหนาวกลายเป็นฝันร้ายไปเลยเพื่อให้สาวๆ ทุกคนมีผิวพรรณสวยสดใสทุกฤดูกาล อรรณพ ผลพานิชย์ กก.ผจก.ศูนย์ความงามและสุขภาพ เพอร์เฟ็คไลฟ์ จับมือน้องสาวคนสวย นพมณี ผลพานิชย์ จัดงาน Perfect Tea Tiime with Perfect Life โดยเชิญเซเลบริตีสาว ดวง- มนต์ลดา พงษ์พานิช และนางเอกสาวดาวรุ่ง เบนซ์- มนัญญา มาร่วมไขความงามสุดเพอร์เฟกต์กับ พญ. สุวประวีณ์ ริ้วเหลือง แพทย์ผิวหนังและเวชศาสตร์ชะลอวัย ผจก.ด้านนวัตกรรม ศูนย์ความงามและสุขภาพ เพอร์เฟ็คไลฟ์ (Perfect Life Aesthetic&Anti-aging Center) ดวง-มนต์ลดา พร้อมร่วมเสวนากับ พญ. สายชลี ทาบโลกา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนังและเวชศาสตร์ชะลอวัย ชรา จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ในหัวข้อ “ปรนนิบัติผิวแบบไหนถึงจะเพอร์เฟกต์สำหรับหนาวน ี้” และสัมผัสกับนวัตกรรมใหม่ที่จะย้อนวัยผิวได้ดั่งเวทม นตร์ ลงลึกถึงชั้น DNA กับ “Cell Therapy for DNA” ทางลัดของผิวสวย ในบรรยากาศจิบชาอุ่นๆ อวดผิวสาวรับลมหนาว ที่ Perfect Life ลาดพร้าว 85พญ. สายชลี ให้คำแนะนำในการดูแลผิวหน้าสำหรับหน้าหนาวในกรณีเร่ง ด่วนในโอกาสพิเศษ หรือเตรียมตัวไปดินเนอร์กับคนรู้ใจว่า ถ้าเป็นการรักษาแบบทั่วๆ ไป หากมีสิวเม็ดแดงๆ ขึ้นบริเวณแก้มทั้ง 2 ข้างและที่หน้าผากก็อย่าเพิ่งตกใจไป ก่อนนอนควรทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด แต่ถ้าใบหน้ายังมีสิวอยู่ควรใช้สบู่ หรือเจลล้างหน้าแบบอ่อนๆ ทำความสะอาดเสียก่อน ไม่ควรใช้สบู่ที่แรงเกินไป และอาจต้องใช้ยารักษาสิวร่วมด้วย เช่น ยาทากลุ่มเบนซอยส์เปอร์ ออกไซด์ ที่ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียหรือกรดซาลิกไซลิก นอกจากนี้ ในช่วงที่เป็นสิวอยู่ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแ อลกอฮอล์ หรืออาหารรสจัด เพราะจะยิ่งกระตุ้นให้สิวอุดตันที่อยู่ในรูขุมขนเห่อ ขึ้นมาได้ พญ. สายชลี แต่การรักษาแบบนี้อาจจะไม่ทันการณ์ พญ. สุวประวีณ์ จึงแนะทางลัดเพื่อผิวสวยให้เป็นอีกทางเลือกพิเศษให้ก ับสาวๆ ว่า ทุกวันนี้นวัตกรรมทางการแพทย์ก็มีเทคโนโลยีใหม่ๆ แบบทันใจอยู่เสมอ เนื่องจากวันเวลาที่หมุนไปในแต่ละวัน ทำให้เซลล์ผิวอ่อนแอและตายลง การผลัดผิวใหม่จึงเป็นไปอย่างเชื่องช้า และด้วยวัยที่เพิ่มขึ้นก็อาจทำให้การรักษาใช้เวลายาว นานมากขึ้น ดังนั้น ทุกวันนี้จึงมีนวัตกรรมการพลิกฟื้นการดูแลผิวให้อ่อน เยาว์เป็นธรรมชาติด้วย เซลล์บริสุทธิ์ 100% ที่อุดมด้วยโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ เอนไซม์ สารต้านอนุมูลอิสระ ปราศจากเคมีเจือปน เก็บรักษาด้วยกรรมวิธีพิเศษที่ช่วยเพิ่มเซลล์ตัวอ่อน (Young Cell) ได้ถึง 30% ต่อครั้งของการทำ เพื่อประสิทธิภาพในการฟื้นฟูเซลล์ผิว กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวให้เติบโตเพิ่มขึ้นให้กลับคื นมาเป็นเซลล์ที่อ่อน เยาว์และมีชีวิตชีวาอีกครั้ง“นวัตกรรม บำบัดถึงชั้น DNA นี้ แพทย์จะทำการรักษาและออกแบบโปรแกรมการรักษาให้เหมาะส มในแต่ละบุคคล รวมทั้งส่วนผสมก็ขึ้นอยู่กับปัญหาที่แต่ละคนมี เนื่องจากสภาพผิวและปัญหาที่แตกต่างกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งการรักษาเพื่อให้ได้ผลดีเลิศนั้นควรรักษาต่อเนื่ อง 5-10 ครั้งภายใน 3 เดือน โดยแพทย์จะใช้ประจุไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ ในการผลักตัวยาเข้าสูผิวชั้นในได้อย่างล้ำลึกมาผลักต ัวเซลล์บริสุทธิ์เข้า สู่ผิวอย่างมีประสิทธิภาพ ” เบนซ์-มนัญญา ผลที่ได้นั้นอาจารย์ หมอบอกว่า การที่กระตุ้นการสร้างเซลล์ตัวอ่อนขึ้นมาเพิ่มนั้นจะ ช่วยให้ผิวตึง กระชับอย่างเป็นธรรมชาติ จึงทำให้ผิวชุ่มชื้นไม่แห้งกร้าน ควบคุมสภาพผิวให้มีความสมดุลไม่แห้งหรือมันเกินไป ผิวจะเรียบเนียนจากแผลเป็นของสิว กระชับรูขุมขนได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญสบายใจได้กับนวัตกรรมนี้ เพราะผ่านการรับรองจาก อ.ย. และกระทรวงสาธารณสุข สหรัฐอเมริกา ( US FDA) แล้ว

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 มกราคม 2553

วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2553


ลดต้นแขน-ต้นขาอ่อน และกระชับสะโพก





ยืนตัวตรง ขาแยกจากกันเล็กน้อย ย่อตัวเล็กน้อย เข่างอ ทำท่าเหมือนจะนั่งเก้าอี้ ย่อตัวค้างไว้ เข่าที่งอและกางออกก็ค้างไว้ ยกแขนขึ้นเหยียดตรงไปข้างหน้า แล้วเหวี่ยงไปทางขวา นับ 1 - 10 จากนั้นเหวี่ยงไปทางซ้าย นับ 1 - 10 ขณะเหวี่ยงแขน ลำตัวต้องตรง หันแค่หน้าไปทางข้างที่แขนเหวี่ยงเท่านั้น
ทำท่านี้ 10 ชุด

สูตรลดน้ำหนัก ใน 1 วัน

สูตร...ลดน้ำหนัก สำหรับภาวะเสี่ยงโรคอ้วน !!
"โรคอ้วน" today !!เป็นโรคที่มีปริมาณไขมันสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายมากกว่าปกติ เป็นผลให้ร่างกายมีน้ำหนักตัวมากกว่าที่ควรจะเป็น เมื่อเทียบกับมาตรฐานอันตรายจากโรคอ้วนคนอ้วนมีโอกาสตายง่ายกว่าคนปกติ เพราะมีโอกาสเป็นโรคหลายอย่างเช่น -โรคความดันโลหิตสูง -โรคเบาหวาน -โรคหัวใจและหลอดเลือด -โรคนิ่วในถุงน้ำดี -ข้อเข่าอักเสบ รวมถึงยังมีปัญหาต่อบุคลิกภาพและจิตใจอีกเช่นกัน
อยากทราบว่าเป็นโรคอ้วนหรือไม่
วิธีการคำนวณหาดัชนีความหนาของร่างกาย (BMI = Body Mass Index)
สำหรับผู้ใหญ่อายุเกิน 18 ปีขึ้นไปใช้สูตรน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม ส่วนสูงเป็นเมตร 2 (ยกกำลัง 2)
ถ้ามีค่า 18.5-22.9 ก.ก./ ม.(ยกกำลัง2) แสดงว่าน้ำหนักปกติถ้าน้อยกว่า 18.5 ก.ก./ ม.(ยกกำลัง2) แสดงว่าผอมถ้ามากกว่า 23 ก.ก./ ม.(ยกกำลัง 2) แสดงว่า อ้วน เช่น คนหนึ่งมีน้ำหนักตัว 64 กิโลกรัมส่วนสูง 1.58 เมตร ดัชนีความหนาของร่างกาย = 64 (1.58) 2 (ยกกำลัง2) = 25.6 จัดว่าเป็นโรคอ้วน


สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอ้วน

1.กินอาหารเกินความต้องการของร่างกาย มีนิสัยกินจุบกินจิบ
2.ออกกำลังกายน้อยเกินไป
3.พันธุกรรม ถ้าพ่อ-แม่ อ้วน ลูกมีโอกาสอ้วนได้ถึง 80 %
4.ยาบางประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาฮอร์โมน,เพรดนิโซโลน
5.ความผิดปกติทางสมอง จะทำให้หิวบ่อย กินจุและเกิดโรคอ้วนในที่สุด
ข้อปฏิบัติเพื่อไม่ให้เกิดโรคอ้วน
1.กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่ร่างกายต้องการ
2.กินอาหารที่ให้ใยอาหารมาก เช่น ผัก และผลไม้เป็นประจำทุกมื้อ
3.ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงโดยเฉพาะ ไขมันจากสัตว์ และอาหารประเภททอด เช่น ไก่ทอดโดนัท เป็นต้น
4.หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันมากเกินไป เช่น ขนามหวานต่างๆ
5.หลีกเลี่ยงอาหารขบเคี้ยวระหว่างมื้อ ไม่ควรกินจุบ กินจิบ
6.หลีกเลี่ยงการกินน้ำอัดลม น้ำหวาน ควรดื่มน้ำสะอาดแทน
7.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
8.ทำจิตใจให้แจ่มใส และราเริงอยู่เสมอ
สูตรสำเร็จรายการลดน้ำหนักใน 1 วัน(ให้พลังงาน 1,500 แคลอรี่)
อาหารเช้า ให้พลังงาน 427.5 แคลอรี่
ข้าวต้ม 1 ชามต้มจับฉ่าย 1 ชามผัดผักบุ้งกับเต้าเจี้ยว 1 จานส้มเขียวหวาน 2 ผล
อาหารกลางวัน ให้พลังงาน 412.5 แคลอรี่
สุกี้ทะเล 1 ชามมะละกอสุก 6 ชิ้นคำ
อาหารว่างบ่าย ให้พลังงาน 122 แคลอรี่
น้ำส้มคั้น 1 แก้วขนมแคร็กเกอร์ 1 แผ่น
อาหารเย็น ให้พลังงาน 398 แคลอรี่
ข้าวสวย 1 จานแกงส้มผักรวม+ปลาช่อน 1 ชามไข่ต้ม 1 ฟองสับปะรด 4-6 ชิ้นคำ ก่อนนอนให้พลังงาน 140 แคลอรี่ นมจืดไม่มีไขมัน 1 แก้ว
ข้อมูลจาก : กองส่งเสริมสุขภาพ สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร

การ บริหารหน้าท้อง


การบริหารหน้าท้อง
อิอิ เกิดอาการพุงห้อยย้อยย! เดินไปเดินมาก็ต้องหิ้วพุงไปด้วย หมดกัน ความ(งด)งามที่มีอยู่น้อยนิด และแล้วเราก็ได้วิธีมาช่วยลดพุง หยุ่นๆๆ ของเรา แต่จาเอามาใช้คนเดียวได้ไง ต้องแบ่งๆๆกันลอง เอ้า+ ใครใช้ได้ผลบอกต่อ ๆ นะค้า (บอกเจ้าของบล๊อกด้วยน้า) ไปดูกันเลยย
การบริหารหน้าท้อง
วิธีที่ 1.เพื่อหน้าท้องแบน ต้องบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นประจำ โดยท่านี้จะต้อง นอนหงาย งอเข่า เท้าราบกับพื้น มือประคองศีรษะ ศอกอยู่แทบไหล่ ค่อยๆผงกไหล่ขึ้นจากพื้นให้คางจรดหน้าอก(ไม่ต้องถึงขนาดยกขึ้นทั้งตัวนะคะ แบบนั้นคงทำกันไม่ไหวทีเดียว ให้คางจรดหน้าอกเป็นพอคะ)แล้วหายใจออก เกร็งไว้ นับสองแล้วค่อยๆลดตัวลงช้า แล้วหายใจเข้า ทำ 3ชุดๆละ 30 ครั้ง(ใหม่ๆก็ลองทำน้อยๆครั้งก่อนก็ได้นะคะ)****ท่านี้ทำสักหนึ่งเดือนคุณก็จะรู้สึกว่าหน้าท้องคุณแน่นขึ้นคะ***

วิธีที่ 2.ลดเอว เป็นท่าตัวที่เป็นการออกกำลังกายส่วนเอว ทำให้เอวเล็กลงคะ โดยท่้านี้ต้อง เริ่มต้นเหมือนท่าแรกเลยคะ คือนอนหงายงอเข่า มือประคองศีรษะ ศอกอยู่แทบไหล่ แต่แทนที่เราจะผงกไหล่ขึ้นด้านตรงเหมือนท่าแรก แต่เราจะยกไหล่ข้างหนึ่งสูงขึ้นจากพื้นแล้วบิดลำตัวไปด้านตรงข้าม(แค่ยกไหล่ไม่ต้องยกทั้งตัวนะคะ) ทำ 3ชุดๆละ 25 ครั้ง แล้วสลับทำอีกข้าง (ท่านี้ก็อีกเช่นกันนะคะ ทำครัี้งแรกก็ทำไม่ได้เยอะขนาดนี้หรอกคะ ค่อยๆทำ ทำเท่าที่ทำได้ก่อนแล้วค่อยเพิ่มจำนวนภายหลังคะ)****ท่านี้ทำแล้วคุณจะรู้สึกเลยว่าใช้กำลังส่วนกลางลำตัวจริงๆ****

วิธีที่ 3.บริหารเอว ท่านี้จะเป็นการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องทั้งหมดนะคะ โดย นอนตะแคงทับแขนข้างหนึ่ง เกร็งหน้าท้องเอาไว้แล้วยกขาและต้นแขนให้ลอยจากพื้นสันหลังตรง (นอนตะแคงยกตัวขึ้นแล้วให้แขนข้างหนึ่งรับน้ำหนักตัว)
ข้อมูลจากSliming..

วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2553

ช่วงเวลาที่ตั้งครรภ์นับเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแ ปลงของผู้หญิงทุกคน ไม่ว่าจะเป็นร่างกาย จิตใจและการดำเนินชีวิตที่จะเปลี่ยนไป แต่ก็นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนุกและท้าทายขอ งว่าที่คุณแม่ทุกๆ คน เพราะการตั้งครรภ์ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลอย่างที่คิ ดและสามารถตั้งครรภ์อย่างมีความสุขได้ไม่ยากเลยค่ะ
1. สุขกับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายระหว่างที่ตั้งครรภ์ อาจทำให้รู้สึกหงุดหงิดและเป็นกังวล แต่ก็ยังมีเรื่องดีๆ จากการเปลี่ยนแปลงอยู่ไม่น้อย เช่น ผมที่ยาวเร็วและดกดำมากขึ้น ก็สามารถเลือกเปลี่ยนทรงผมตามชอบ ตัดให้สั้นลงเพื่อให้ดูแลได้ง่ายขึ้น สนุกกับการแต่งทรงผม โดยหลีกเลี่ยง สารเคมีจากการดัดหรือทำสีผมเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อลูก
2. สุขกับการตรวจร่างกายเสมอในระหว่างตั้งครรภ์ อย่าลืมชั่งน้ำหนักบ่อยๆ และดูแลสุขภาพอยู่เสมอ เช่น การออกกำลังกายเบาๆ กินอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำเปล่ามากๆ และกินวิตามินตามที่แพทย์สั่ง อยู่ในสภาพแวดล้อมที่สะอาดและปลอดภัย ถ้ามีอาการผิดปกติให้จดอาการไว้และไปพบแพทย์ทันทีนะคะ
3. สุขกับร่างกายที่เปลี่ยนแปลงการที่หน้าท้องใหญ่ขึ้นจะทำให้สนุกกับการเลือกแต่งตั วมากขึ้นด้วย เพียงแค่ดัดแปลงเสื้อผ้า เลือกสีและแบบของเสื้อผ้าที่เหมาะกับรูปร่างในช่วงตั ้งครรภ์ หรือใน วันว่างลองชวนสามีเป็นตากล้องส่วนตัวให้ เลือกเปลี่ยนเสื้อผ้าหลายชุดหลากสีสันและโพสท์ท่าสวย ๆ ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ก็สนุกไปอีกแบบค่ะนอกจากนี้ ก็อย่าลืมทำความรู้จักกับชีวิตน้อยๆ ในครรภ์ของคุณแม่ ด้วยการคอยสังเกตปฏิกิริยาของลูก ในแต่ละวัน อาทิ ลูกตอบสนองต่อเสียงของแม่ ดนตรี และอาหารที่แม่กินเข้าไปอย่างไร สังเกตการดิ้น อารมณ์และบุคลิกของลูกเป็นอย่างไร การได้เฝ้าสังเกตก็จะทำให้คุณแม่รู้สึกตื่นเต้นกับกา รเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของลูกทุกวันเลยค่ะ
4. สุขสดใสร่าเริงเหมือนเด็กการทำตัวให้เป็นเด็กอีกครั้งไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณแม่มีอารมณ์แจ่มใส ร่าเริงอยู่ตลอดเวลาก็จะทำให้ร่างกายแข็งแรงและมีสีห น้าที่อิ่มเอม สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการงีบหลับในช่วงบ่าย กินตามใจตัวเองบ้าง ในบางครั้ง มีเวลาส่วนตัวสำหรับการออกไปเที่ยวหรือ ได้ทำอะไรตามใจชอบ เท่านี้ก็มีความสุขแล้วค่ะ
5. สุขกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวการเป็น “แม่” ถือเป็นบทบาทใหม่ของว่าที่คุณแม่ ทุกคน รวมทั้งสมาชิกในครอบครัวก็จะมีบทบาทเพิ่มขึ้นมาเช่นก ัน ทั้งการเป็นปู่-ย่า หรือตา-ยาย จึงเป็นโอกาสดีที่คุณแม่จะได้กระชับความสัมพันธ์ภายใ นครอบครัว เช่น การแบ่งปันประสบการณ์การเป็นแม่ เรื่องราวต่างๆ ของคุณแม่ในวัยเด็ก จะช่วยให้คุณแม่เข้าใจและมีกำลังใจมากขึ้น นอกจากนี้ การพูดคุยกันก็จะช่วยให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวดีขึ้ น และนำไปสู่การปรึกษาหรือให้คำแนะนำในเรื่องอื่นๆ ด้วย
6. สุขดูแลจิตใจตัวเอง สิ่งสำคัญที่สุด อย่าลืมดูแลจิตใจ ในระหว่างตั้งครรภ์ด้วยนะคะ อาจมี ห้องส่วนตัวสำหรับสวดมนต์ อ่านหนังสือ หรืออยู่เงียบๆ คนเดียวบ้าง เพื่อให้คุณแม่ผ่อนคลายและรู้เท่าทันอารมณ์ตัวเอง อยู่ตลอดเวลาค่ะ
7. สุขในการมีเพื่อนคุยการมีเพื่อนคุยที่เป็นคุณแม่ตั้งครรภ์เหมือนกันจะทำใ ห้ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน เป็นที่ปรึกษา ให้คำแนะนำและอาจเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไปจนถึง หลังคลอด ซึ่งสามารถหาเพื่อนใหม่จากการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ หรือการเข้าไปพูดคุยในเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ ก็ทำให้คุณแม่มีเพื่อนใหม่ในสังคมออนไลน์ได้ไม่ยาก เลยค่ะ
วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553

ธรรมมะวันละนิด

คนเราเมื่อมีลาภก็มีเสื่อมลาภ เมื่อมียศก็มีเสื่อมยศ เมื่อมีสุขก็มีทุกข์ เมื่อมีสรรเสริญก็มีนินทา เป็นของคู่กันมาเช่นนี้ จะไปถืออะไรกับปากมนุษย์ ถึงจะดีแสนดีมันก็ติ ถึงจะชั่วแสนชั่วมันก็ชม นับประสาอะไร พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐเลิศยิ่งกว่ามนุษย์และเทวดายังมีมารผจญ ยังมีคนนินทาติเตียน ปุถุชนอย่างเราจะรอดพ้นจากโลกะธรรมดังกล่าวแล้วไม่ได้ ต้องคิดเสียว่าเขาจะติก็ช่าง ชมก็ช่าง เราไม่ได้ทำอะไรให้เขาเดือดเนื้อร้อนใจ ก่อนที่เราจะทำอะไรเราคิดแล้วว่า ไม่เดือดร้อนแก่ตัวเราและคนอื่นเราจึงทำ เขาจะนินทาว่าใส่ร้ายอย่างไร ก็ช่างเขา บุญเราทำ กรรมเราไม่สร้าง พยายามสงบกาย สงบวาจา สงบใจ จะต้องไปกังวน กลัวใครติเตียนทำไม ไม่เห็นมีประโยชน์ เปลืองความคิดเปล่า ๆ
พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต